Lotus Moisturizer Cream (ครีมดอกบัว)
ครีมบำรุงผิวสารสกัดดอกบัว ปกป้องผิวบอบบาง ดูแลผิวหยาบกร้าน ลดการเกิดริ้วรอย ปรับผิวขาวเนียนใส เนื้อครีมละเอียดบางเบา สูตรเข้มข้น ให้ความชุ่มชื่นยาวนาน ด้วยประสิทธิภาพของสารสกัดดอกบัว + Moisture Complex สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวมากกว่าร้อยละ 25 ของสารที่ให้ความชุ่มชื้นทั่วไป สร้างฟิล์มบางๆ คลุมผิวเพื่อปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ ช่วยให้ผิวหน้านวลเนียน นุ่มละมุนชวนสัมผัส ช่วยฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำ ลดรอยดำ - รอยแดง ช่วยทำให้สิวแห้งไว และลดรอยแดงจากสิว ช่วยชะลอริ้วรอยได้ดี และยับยั้งเอมไซน์ไทโรซิเนส ที่เป็นสาเหตุของผิวคล้ำ ฝ้า จุดด่างดำ ได้อย่างดีเยี่ยม
ส่วนประกอบสำคัญ :
Moisture Complex, Jojoba Oil, Micro Collagen (Fish Collagen), Grape Seed Oil, Hydro Glycolic Acid, Centella Asiatica, LMW Hyaluronate Acid, Lotus Flower Extract, Allantion, Salix Alba (Willow) Bark Extract, Niacinamide, Nano Ceramide.
ครีมดอกบัว เหมาะสำหรับ
1. ทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย
โดยเหมาะสำหรับบำรุงผิวเช้า + ก่อนนอน สำหรับผิวธรรมดา-ผิวแห้ง และเป็นครีมบำรุงผิวก่อนนอนสำหรับผิวมัน
2. ผู้ที่ต้องการครีมบำรุงผิวที่ช่วยลดความหยาบกร้าน ให้ความชุ่มชื่นยาวนาน 24 ชม. โดยไม่ทำให้หน้ามัน เมื่อตื่นนอน
วิธีใช้ : ทาบำรุงผิวใบหน้าและลำคอ เช้าและก่อนนอน
ขนาดปกติ ปริมาณสุทธิ 15 มล
เลขที่ใบรับแจ้ง 10-1-5732638
เลือกใช้ครีมบำรุงให้เหมาะกับผิวเรา ครีมบำรุงผิวหน้า จะมีอยู่ 2 สูตร คือ
1. ออยล์ อิน วอเตอร์ (Oil-in-water) จะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบรอง ลักษณะเนื้อครีมจะเป็นโลชั่นเหลว เนื้อครีมแทรกซึมลงสู่ผิวหนังได้เร็วไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้ เช่น พวกเดย์ครีม หรือมอยส์เจอไรเซอร์ สำหรับทาในตอนเช้า
2. วอเตอร์ อิน ออยล์ (Water-in-oil) จะมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก มีน้ำเป็นส่วนประกอบรอง จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิวได้เต็มที่ ส่วนมากจะเป็นครีมประเภทที่ใช้ช่วงกลางคืน
การเลือกครีมชนิดไหน ต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวคุณด้วย ถ้าผิวมีความชุ่มชื้นดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเติมครีมบำรุงผิว หรือทาเฉพาะกลางคืนก่อนนอนก็เพียงพอแล้ว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่า “ออยล์ฟรี” ซึ่งจะมีส่วนประกอบของน้ำมันน้อยมาก
- ส่วนคนผิวธรรมดาสามารถเลือกใช้ครีมได้หลายประเภท
- สำหรับคนผิวแห้ง ควรเลือกครีมบำรุงผิวที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบสูง เพื่อเพิ่มความชุมชื้นเป็นพิเศษ
- ส่วนสาวผิวผสม อาจจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความมันเฉพาะบริเวณที่เรียกว่า “ทีโซน” คือบริเวณหน้าผาก จมูก คาง ซึ่งช่วยลดความเหนียวเหนอะหนะได้ สำหรับสาวที่มีปัญหาผิวบริเวณแก้มเป็นขุย อาจเลือกใช้ครีมที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบทาเฉพาะแก้มก็ได้นะคะ
Beauty Tip :
สำหรับสาววัย 30 ขึ้นไปแล้วนั้น หลังจากลงครีมบำรุงและกันแดดแล้ว ควรใช้ครีมปกปิดริ้วรอยในช่วงกลางวันเพิ่มเติมด้วย หากทาได้เนียนดีแม้ในหน้าร้อนก็ไม่ต้องทาซ้ำใหม่ ส่วนตอนกลางคืนควรใช้คลีนซิ่งชนิดครีมหรือน้ำมันสำหรับเช็ดบริเวณริมฝีปากและรอบดวงตา เช็ดคราบเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกออกเป็นอันดับแรก สครับผิวควรใช้ทุกๆ 10 วัน เมื่อใช้สครับขัดเอาเซลล์เก่าที่ตายแล้วหลุดออกใบหน้าจะดูขาวขึ้น ควรผสมโฟมล้างหน้าปนนิดหน่อย เพื่อช่วยลดความรู้สึกหยาบของสครับลงได้
หลักการทาครีมให้เหมาะสม
มาเราเรียนรู้ถึงหลักการทาครีมที่เหมาะสม หากทาครีมได้ถูกต้องก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของเนื้อครีมให้ได้ผลมากขึ้น มีหลักการง่ายๆดังต่อไปนี้
• การบีบครีมออกมาใช้นั้น ควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะคือประมาณ 2 ซม. บางคนคิดว่าการใช้ครีมบำรุงยิ่งมากยิ่งดีเพราะจะทำให้ได้ผลเร็วยิ่งขึ้น ครีมที่มากเกินไปนั้นไม่ได้มีผลกับผิวของเราเลย ครีมจะสามารถซึมซาบสู่ผิวได้ในปริมาณที่จำกัด นอกเหนือจากนั้นก็จะคงตกค้างอยู่บนผิวของเรา และอาจหลุดออกไปขณะนอนหลับ หรือเมื่อใช้มือจับผิวหน้าได้ง่ายๆ
• เมื่อบีบครีมออกมาแล้วให้แต้มบริเวณจุดต่างๆดังต่อไปนี้คือ หน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูก และคาง จากนั้นใช้นิ้วนางเกลี่ยครีมให้ทั่วใบหน้าแล้วนวดครีมให้ซึมซาบสู่ผิวเบาๆ ที่ใช้นิ้วนางนั้นก็เพราะนิ้วนางเป็นนิ้วที่เราไม่ถนัดนัก แรงกดจึงมีไม่มาก เป็นการทะนุถนอมใบหน้าของเราจากแรงกดไปในตัว การนวดครีมให้ซึมซาบสู่ผิวนั้นให้นวดขึ้นไป และเกลี่ยครีมในบริเวณที่กว้างที่สุดก่อน นวดจากบริเวณกลางโหนกแก้มไปที่ด้านข้างโดยรอบสันจมูก บริเวณเหนือริมฝีปาก คาง และหน้าผาก
• การทาครีมรอบดวงตานั้นต้องมีวิธีเฉพาะ ปริมาณไม่ต้องมากเหมือนใบหน้า บีบครีมออกมาแค่เม็ดถั่วเขียวแล้วใช้นิ้วนางเกลี่ยครีมอย่างเบามือจากบริเวณหัวตาไปหางตาทั้งบนและล่าง เกลี่ยไปในทิศทางเดียวกันหลายๆครั้งจนรู้สึกว่าเนื้อครีมซึมซาบดีแล้ว
• เมื่อทาครีมที่หน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มาถึงส่วนของลำคอ ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องดูแลไม่แพ้ใบหน้าเช่นกัน เพราะหากหน้าสวยเต่งตึงแต่ลำคอกลับเหี่ยวย่นก็คงดูไม่งามนัก ให้บีบครีมออกมาประมาณ 2 ซม. เท่ากับที่ใช้บนใบหน้า แล้วใช้นิ้วทุกนิ้วยกเว้นนิ้วโป้ง ลูบครีมขึ้นไปเพื่อให้ลำคอเต่งตึง การลูบลงจะเป็นการทำให้คอเหี่ยวย่นได้
• เมื่อทาครีมที่คอเสร็จแล้วก็ควรทาเรื่อยมาที่แผ่นอกด้วย เพราะการใส่เสื้อผ้าสมัยนี้ส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงมักมีการเปิดเผยในส่วนนี้มากขึ้น ให้บีบครีมออกมาเล็กน้อย แล้วใช้มือลูบไล้เบาๆให้ทั่ว
• บริเวณเรียวแขนนั้นก็มีความจำเป็นที่จะต้องทาครีมให้ถูกวิธี ให้คุณบีบครีมออกมาสัก 5 ซม. แล้วลูบไล้ที่ท้องแขนขึ้นไปข้างบน
• บริเวณเรียวขาก็ให้ใช้ครีมในปริมาณที่พอๆกับเรียวแขน ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ครีมเบาๆ จากปลายเท้าขึ้นมาถึงโคนขา ให้เน้นบริเวณที่มีความแห้งกร้านเป็นพิเศษอย่างหน้าแข้งด้วย บริเวณเท้านั้นก็สำคัญเช่นกัน เพราะเป็นบริเวณที่แห้งกร้านและถูกใช้งานอย่างหนัก ควรทาครีมบริเวณนิ้วเท้าด้วยและหากมีการนวดเบาๆเพื่อผ่อนคลายร่วมกับการทาครีมก็จะยิ่งเป็นการดูแลที่พิเศษขึ้น
• บริเวณหลังและหน้าท้องนั้นก็ควรจะมีการทาครีมด้วย เพื่อให้ผิวพรรณดูสวยและนุ่มเนียนเสมอกันทั้งตัว และส่วนใหญ่แล้วบริเวณนี้มักไม่ได้รับการดูแลที่ดีนัก การทาครีมก็ให้ใช้ครีมในปริมาณที่เหมาะสมนวดลูบไล้เบาๆก็เพียงพอแล้ว
ทาครีมบำรุงผิวหน้า นานแค่ไหน ถึงจะเห็นผล
การใช้ครีมบำรุงต่างๆ ในการฟื้นฟูผิวพรรณนั้น จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุด 3 สัปดาห์ จึงจะเห็นผล แต่ถ้าอดใจไม่ไหวก็ควรแก้ไขด้วยการแต่งหน้าปกปิดรอยต่างๆ หรือจุดด่างดำไปก่อน เช่นการใช้แป้งรองพื้น และเมื่อผลิตภัณฑ์ใช้เป็นประจำได้ผล ก็จะสามารถอวดผิวสวยได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางแถมดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย
|
|
|
|