ครีมลดริ้วรอย ซีเพาเวอร์
สารสกัดแห่งท้องทะเลเหล่านี้ เมื่อรวมตัวกันจึงเกิดเป็น “Collaxyl” สารอะมิโนเปปไทด์ ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบการจัดเรียงตัวในโครงสร้างของคอลลาเจน Type IV และ Type XVII ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย ฟื้นพลังเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ริ้วรอย และรอยหลุมสิว แผลเป็นจากสิว ลดลงได้
พร้อมสารสกัดจากพืชธรรมชาติหลากชนิด ที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ และทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยสร้าง Pro Collagen ภายใต้ผิวหนัง ลดและป้องกันการเกิดสิว ลดรอยสิว ลดอาการผิวหมองคล้ำได้เร็ว ผิวจึงดูขาวใสขึ้น พร้อมกับริ้วรอยจางลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เนื้อครีมบางเบาปราศจากน้ำมัน ช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพได้หลายระดับ ช่วยให้ริ้วรอยที่เกิดจากแสงแดด สีผิวไม่เรียบเนียน ดูลดเลือนลงอย่างเห็นได้ชัดเผยผิวที่ดูเนียนสวย กระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอขึ้น และมีสุขภาพดี เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว (ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลง แล้วแต่บุคคล)
ส่วนประกอบสำคัญ :
Soluble Collagen, Caviar Extract, Algae Extract, Pearl Powder, Spilanthes Acmella Flower Extract, Centella Asiatica Leaf Extract, Vitis Vinifera (Grape) Seed Oil, Chamomilla Recutita Extract, Glycyrrhiza Glabra Root Extract, Glycine Soja (Soybean Oil), Aloe Barbadensis Leaf Juice, Ascorbyl Glucoside, Niacinamide, Alpha-Arbutin.
วิธีใช้ : ล้างหน้าให้สะอาด ทาครีมบางๆ ทั่วใบหน้า และลำคอ เช้า และก่อนนอน
ขนาดปกติ 10 มิลลิลิตร
เลขที่ใบรับแจ้ง 10-1-5434958
Beauty Tip :
Sea Power Anti Wrinkle Cream เหมาะสำหรับผิวธรรมดา-ผิวมัน หรือผู้ที่มีรอยหลุมสิว เป็นสิวง่าย เพราะปราศจากน้ำมัน จึงไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เร็ว เมื่อทาครีมแล้วควรทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที หรือใช้นิ้วกลางและนิ้วนางช่วยตบเนื้อครีมบนใบหน้าเบาๆ ให้ครีมซึมลงผิวดีเสียก่อน จึงค่อยทาครีมกันแดด หรือรองพื้นเป็นลำดับต่อไป
การใช้ครีม แต่ละครั้งนั้นควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะคือไม่เกินขนาดประมาณเม็ดข้าวโพดโตๆ บางคนอาจเข้าใจว่าการใช้ครีม ยิ่งมากยิ่งดี เพราะจะทำให้ได้ผลเร็วยิ่งขึ้น แต่จริงๆแล้ว ครีมที่มากเกินไปไม่ได้ให้ผลดีกับผิวเราเลย เพราะครีมจะสามารถซึมซาบสู่ผิวในปริมาณที่จำกัด นอกเหนือจากนั้นก็จะตกค้างอยู่บนผิวของเรา และอาจหลุดออกไปขณะนอนหลับหรือเมื่อใช้มือสัมผัสผิวหน้า บริเวณเหนือริมฝีปาก คาง และหน้าผาก อาจทำให้ประสิทธิภาพในการ ลดรอยสิว ลดลง
แสงแดด
เมืองไทยเป็นเมืองร้อน และมีแดดจัดจ้ามาก เราจึงยากที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดดได้ ความตื้นลึกของริ้วรอยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ผิวหน้าของเราสัมผัสแสงแดด ส่วนใหญ่ริ้วรอยจากแสงแดดจะปรากฏให้เห็นในคนที่มีอายุไม่ถึง 30 ปี หรือวัยรุ่นที่มีกิจกรรมต้องออกแดดเป็นประจำ ซึ่งนอกจากจะเกิดริ้วรอยแล้ว ยังจะได้ฝ้า กระ จุดด่างดำ ติดหน้ากันมาด้วย หากไม่ได้รับการดูแลที่ดี คอลลาเจนใต้ผิวก็จะถูกแสงแดดทำลายไปเรื่อยๆ ริ้วรอยก็จะยิ่งลึกขึ้นทุกวันๆ วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดช่วง 10.00 น. – 18.00 น. และควรทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกจากบ้านเพื่อป้องกันรังสียูวี
การแสดงสีหน้า
เป็นการสร้างริ้วรอยให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว จากการแสดงสีหน้าแบบต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ยิ้ม หัวเราะ ขมวดคิ้ว การอ้าปากกว้างๆ เลิกคิ้ว ฯลฯ วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดก็คือการคอยเตือนตัวเองให้แสดงสีหน้าในแบบต่างๆ แต่พองาม และระวังไม่ให้เกิดความเครียด เพราะจะทำให้เราหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว
การกดทับขณะนอนหลับ
เราต้องใช้เวลานอนวันละหลายชั่วโมง การนอนในท่าทางที่ถูกต้องสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยได้มาก ท่านอนที่ดีที่สุดสำหรับป้องกันการเกิดริ้วรอยคือท่านอนหงาย เพราะใบหน้าจะไม่ถูกกดทับเหมือนการนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง
ความร่วงโรยของวัย
เมื่อย่างเข้าสู่เลข 3 ริ้วรอยประเภทนี้ก็จะเริ่มมาเคาะประตูเรียก วิธีที่ดีก็คือพยายามทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะสมกับวัยและสภาพผิว
นอกจากนี้ ริ้วรอยยังเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้อีกมากเช่น การสูบบุหรี่ ความเครียด การอดนอน ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยตัวเราเอง เพื่อผิวหน้าอ่อนเยาว์ได้อยู่คู่กับเรานานๆ นะคะ
เลือกใช้ครีมบำรุงให้เหมาะกับผิวเรา ครีมบำรุงผิวหน้า จะมีอยู่ 2 สูตร คือ
1. ออยล์ อิน วอเตอร์ (Oil-in-water) จะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบรอง ลักษณะเนื้อครีมจะเป็นโลชั่นเหลว เนื้อครีมแทรกซึมลงสู่ผิวหนังได้เร็วไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้ เช่น พวกเดย์ครีม หรือมอยส์เจอไรเซอร์ สำหรับทาในตอนเช้า
2. วอเตอร์ อิน ออยล์ (Water-in-oil) จะมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก มีน้ำเป็นส่วนประกอบรอง จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิวได้เต็มที่ ส่วนมากจะเป็นครีมประเภทที่ใช้ช่วงกลางคืน
การเลือกครีมชนิดไหน ต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวคุณด้วย ถ้าผิวมีความชุ่มชื้นดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเติมครีมบำรุงผิว หรือทาเฉพาะกลางคืนก่อนนอนก็เพียงพอแล้ว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่า “ออยล์ฟรี” ซึ่งจะมีส่วนประกอบของน้ำมันน้อยมาก
- ส่วนคนผิวธรรมดาสามารถเลือกใช้ครีมได้หลายประเภท
- สำหรับคนผิวแห้ง ควรเลือกครีมบำรุงผิวที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบสูง เพื่อเพิ่มความชุมชื้นเป็นพิเศษ
- ส่วนสาวผิวผสม อาจจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความมันเฉพาะบริเวณที่เรียกว่า “ทีโซน” คือบริเวณหน้าผาก จมูก คาง ซึ่งช่วยลดความเหนียวเหนอะหนะได้ สำหรับสาวที่มีปัญหาผิวบริเวณแก้มเป็นขุย อาจเลือกใช้ครีมที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบทาเฉพาะแก้มก็ได้นะคะ
Beauty Tip :
สำหรับสาววัย 30 ขึ้นไปแล้วนั้น หลังจากลงครีมบำรุงและกันแดดแล้ว ควรใช้ครีมปกปิดริ้วรอยในช่วงกลางวันเพิ่มเติมด้วย หากทาได้เนียนดีแม้ในหน้าร้อนก็ไม่ต้องทาซ้ำใหม่ ส่วนตอนกลางคืนควรใช้คลีนซิ่งชนิดครีมหรือน้ำมันสำหรับเช็ดบริเวณริมฝีปากและรอบดวงตา เช็ดคราบเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกออกเป็นอันดับแรก สครับผิวควรใช้ทุกๆ 10 วัน เมื่อใช้สครับขัดเอาเซลล์เก่าที่ตายแล้วหลุดออกใบหน้าจะดูขาวขึ้น ควรผสมโฟมล้างหน้าปนนิดหน่อย เพื่อช่วยลดความรู้สึกหยาบของสครับลงได้
หลักการทาครีมให้เหมาะสม
มาเราเรียนรู้ถึงหลักการทาครีมที่เหมาะสม หากทาครีมได้ถูกต้องก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของเนื้อครีมให้ได้ผลมากขึ้น มีหลักการง่ายๆดังต่อไปนี้
• การบีบครีมออกมาใช้นั้น ควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะคือประมาณ 2 ซม. บางคนคิดว่าการใช้ครีมบำรุงยิ่งมากยิ่งดีเพราะจะทำให้ได้ผลเร็วยิ่งขึ้น ครีมที่มากเกินไปนั้นไม่ได้มีผลกับผิวของเราเลย ครีมจะสามารถซึมซาบสู่ผิวได้ในปริมาณที่จำกัด นอกเหนือจากนั้นก็จะคงตกค้างอยู่บนผิวของเรา และอาจหลุดออกไปขณะนอนหลับ หรือเมื่อใช้มือจับผิวหน้าได้ง่ายๆ
• เมื่อบีบครีมออกมาแล้วให้แต้มบริเวณจุดต่างๆดังต่อไปนี้คือ หน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูก และคาง จากนั้นใช้นิ้วนางเกลี่ยครีมให้ทั่วใบหน้าแล้วนวดครีมให้ซึมซาบสู่ผิวเบาๆ ที่ใช้นิ้วนางนั้นก็เพราะนิ้วนางเป็นนิ้วที่เราไม่ถนัดนัก แรงกดจึงมีไม่มาก เป็นการทะนุถนอมใบหน้าของเราจากแรงกดไปในตัว การนวดครีมให้ซึมซาบสู่ผิวนั้นให้นวดขึ้นไป และเกลี่ยครีมในบริเวณที่กว้างที่สุดก่อน นวดจากบริเวณกลางโหนกแก้มไปที่ด้านข้างโดยรอบสันจมูก บริเวณเหนือริมฝีปาก คาง และหน้าผาก
• การทาครีมรอบดวงตานั้นต้องมีวิธีเฉพาะ ปริมาณไม่ต้องมากเหมือนใบหน้า บีบครีมออกมาแค่เม็ดถั่วเขียวแล้วใช้นิ้วนางเกลี่ยครีมอย่างเบามือจากบริเวณหัวตาไปหางตาทั้งบนและล่าง เกลี่ยไปในทิศทางเดียวกันหลายๆครั้งจนรู้สึกว่าเนื้อครีมซึมซาบดีแล้ว
• เมื่อทาครีมที่หน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มาถึงส่วนของลำคอ ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องดูแลไม่แพ้ใบหน้าเช่นกัน เพราะหากหน้าสวยเต่งตึงแต่ลำคอกลับเหี่ยวย่นก็คงดูไม่งามนัก ให้บีบครีมออกมาประมาณ 2 ซม. เท่ากับที่ใช้บนใบหน้า แล้วใช้นิ้วทุกนิ้วยกเว้นนิ้วโป้ง ลูบครีมขึ้นไปเพื่อให้ลำคอเต่งตึง การลูบลงจะเป็นการทำให้คอเหี่ยวย่นได้
• เมื่อทาครีมที่คอเสร็จแล้วก็ควรทาเรื่อยมาที่แผ่นอกด้วย เพราะการใส่เสื้อผ้าสมัยนี้ส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงมักมีการเปิดเผยในส่วนนี้มากขึ้น ให้บีบครีมออกมาเล็กน้อย แล้วใช้มือลูบไล้เบาๆให้ทั่ว
• บริเวณเรียวแขนนั้นก็มีความจำเป็นที่จะต้องทาครีมให้ถูกวิธี ให้คุณบีบครีมออกมาสัก 5 ซม. แล้วลูบไล้ที่ท้องแขนขึ้นไปข้างบน
• บริเวณเรียวขาก็ให้ใช้ครีมในปริมาณที่พอๆกับเรียวแขน ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ครีมเบาๆ จากปลายเท้าขึ้นมาถึงโคนขา ให้เน้นบริเวณที่มีความแห้งกร้านเป็นพิเศษอย่างหน้าแข้งด้วย บริเวณเท้านั้นก็สำคัญเช่นกัน เพราะเป็นบริเวณที่แห้งกร้านและถูกใช้งานอย่างหนัก ควรทาครีมบริเวณนิ้วเท้าด้วยและหากมีการนวดเบาๆเพื่อผ่อนคลายร่วมกับการทาครีมก็จะยิ่งเป็นการดูแลที่พิเศษขึ้น
• บริเวณหลังและหน้าท้องนั้นก็ควรจะมีการทาครีมด้วย เพื่อให้ผิวพรรณดูสวยและนุ่มเนียนเสมอกันทั้งตัว และส่วนใหญ่แล้วบริเวณนี้มักไม่ได้รับการดูแลที่ดีนัก การทาครีมก็ให้ใช้ครีมในปริมาณที่เหมาะสมนวดลูบไล้เบาๆก็เพียงพอแล้ว
ทาครีมบำรุงผิวหน้า นานแค่ไหน ถึงจะเห็นผล
การใช้ครีมบำรุงต่างๆ ในการฟื้นฟูผิวพรรณนั้น จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุด 3 สัปดาห์ จึงจะเห็นผล แต่ถ้าอดใจไม่ไหวก็ควรแก้ไขด้วยการแต่งหน้าปกปิดรอยต่างๆ หรือจุดด่างดำไปก่อน เช่นการใช้แป้งรองพื้น และเมื่อผลิตภัณฑ์ใช้เป็นประจำได้ผล ก็จะสามารถอวดผิวสวยได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางแถมดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย
|
|
|
|