ส่วนประกอบสำคัญ :
สารสกัดจมูกถั่วเหลือง : มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณมากกว่าแป้งถั่วเหลือง 20 เท่า มีสารอาหารชื่อ “ไฟโตเอสโตเจน” มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตเจนในเพศหญิง ซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง ไม่เป็นสิว มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพช่วยเสริมสร้างโครงสร้างผิวให้แข็งแรง
วิชซ์ฮาเซล : เป็นต้นพืชแถบอเมริกาเหนือ มีคุณสมบัติเป็น สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ อุดมไปด้วยสารแทนนินจึงมีคุณสมบัติทำให้เซลล์ผิวมีการผลัดตัวดีขึ้นช่วยกระชับรูขุมขน ช่วยสมานผิวทำให้ผิว ปรับให้รูขุมขนค่อยๆตื้นขึ้น ทำให้ผิวหนังเรียบเนียน ลดการสร้างน้ำมันใต้ผิวหนัง ขจัดคราบมันส่วนเกินให้กับผิว มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียอ่อนๆ จึงช่วยลดการเกิดสิวได้ กระตุ้นการสร้าง Elastin และ Collagen ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึงขึ้น บำรุงผิวไม่ให้ผิวแห้งกร้าน เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ลดสีผิวหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวผ่อนคลาย เฟิร์ม กระชับเนื้อเยื่อ ลดอาการคันและระคายเคือง
ว่านหางจระเข้ : มีสรรพคุณในการรักษาผื่นคัน สิว ผิวหนังพอง ถูกแดดเผา ผิวด่างดำ ลดการอักเสบของผิว ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่น กระชับรูขุมขน มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค และเชื้อรา และมีฤทธิ์ช่วยสมานแผล แม้แต่พระนางคลีโอพัตราก็รักษาความงามและความมีเสน่ห์ของพระองค์ด้วยวุ้นของว่านหางจระเข้
ใบบัวบก : ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เร่งการสร้างสารคอลลาเจน (Collagen) ที่เป็นโครงสร้างของผิวจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการกระตุ้นให้แผลสมานตัวได้ เร็ว จึงมีการนำมาใบบัวบกมาใช้รักษาแผลสด แผลเรื้อรัง หรือแผลหลังผ่าตัด ใบบัวบกจะช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยให้แผลหายเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยสมานแผลเป็นมีขนาดเล็ก และแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ในทางความงามบัวบกมีฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระ ลดรอยหมองคล้ำ รอยด่างดำของผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและตึงกระชับ ลบเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น
Capric/Caprylic : ไตรกลีเซอไรด์จากน้ำมันมะพร้าว มีคุณสมบัติในการทำความสะอาด และบำรุงผิวให้นวลเนียน ทำงานโดยการกระจายตัวทำความสะอาด และบำรุงให้แทรกซึมเข้าสู่ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
ไตรโคลซาน : คือสารสังเคราะห์ ที่มีประสิทธิภาพต้านเชื้อจุลินทรีย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อแบคทีเรีย และยังสามารถต้านเชื้อราและไวรัสบางชนิดได้ดี ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีประสิทธิภาพและปลอดภัย มีการนำมาใช้อย่างกว้างขวางทั่วโลก
วิธีใช้ : ใช้ โฟมล้างหน้า ทำความสะอาดผิวหน้า เช้าและก่อนนอน เป็นประจำทุกวัน
ขนาดปกติ 50 มิลลิลิตร
เลขที่ใบรับแจ้ง 10-1-5329878
Beauty Tip : ควรล้างมือให้สะอาดก่อนล้างหน้าทุกครั้ง เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของ โฟมล้างหน้า
การล้างหน้าที่ถูกวิธีและสะอาดหมดจด
การล้างหน้านั้นความจริงแล้วก็มีเทคนิคอยู่เหมือนกัน การล้างหน้าที่ถูกวิธีจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกให้หมดไปจากใบหน้าได้เกลี้ยงเกลา ไม่ทำให้หน้าบอบช้ำและเกิดปัญหาได้
หากผิวของคุณมีสุขภาพดีและไม่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องสำอางล้างหน้าชนิดใดๆ ก็สามารถใช้น้ำเปล่าธรรมดาล้างหน้าได้ เพียงแต่ว่าต้องล้างนานสักนิดและล้างอย่างเบามือ
หากต้องการใช้เครื่องสำอางล้างหน้า เช่น สบู่ โฟม และเจล ก็สามารถทำได้ ซึ่งมีวิธีการง่ายๆดังต่อไปนี้
1. ผสมน้ำเล็กน้อยกับผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้แล้วขยี้เบาๆจึงค่อยนำไปถูใบหน้าตามส่วนต่างๆ
2. ถูวนขึ้นไปที่บริเวณแก้มเบาๆ จากนั้นใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางถูขึ้นไปเบาๆที่บริเวณหน้าผาก
3. สำหรับบริเวณจมูกให้ถูย้อนแนวของกล้ามเนื้อขึ้นไป โดยการถูจากฐานจมูกไปยังสันจมูกด้วยปลายนิ้วนาง จากนั้นให้ถูบริเวณริมฝีปากด้วยนิ้วชี้กับนิ้วนาง
4. ส่วนที่เหลือคือบริเวณรอบดวงตา ซึ่งควรทำอย่างเบามือโดยดารใช้นิ้วชี้วางบนเปลือกตาและนิ้วนางวางที่ใต้ตา จากนั้นค่อยลูบไล้เบาๆจากหางตาไปยังหัวตา
นอกเหนือจากสบู่ โฟม และเจลแล้ว ยังมีเครื่องสำอางทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเครื่องสำอางทำความสะอาดที่ปราศจากไขมัน ซึ่งจะใช้การถูแล้วเช็ดออกโดยไม่ต้องใช้น้ำล้างออก เหมาะกับผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย เครื่องสำอางชนิดนี้ดีตรงที่สะดวกและพกติดตัวไปได้ในที่ที่ไม่มีน้ำใช้ และเมื่อใช้แล้วก็ยังทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น เพราะมีสารที่ทำหน้าที่เคลือบผิวคล้ายฟิล์มบางๆ ช่วยคงความชุ่มชื้นไว้
นอกจากนี้ยังมีครีมทำความสะอาดซึ่งมีส่วนผสมของไขมัน ครีมชนิดนี้ต้องใช้น้ำในการชำระล้าง และเมื่อชำระล้างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะคงความชุ่มชื้นเหมือนฟิล์มบางๆคอยเก็บกักความชุ่มชื้นให้คงอยู่ได้ยาวนาน
ผิวธรรมดา ล้างหน้าวันละกี่ครั้งดี
สำหรับผู้ที่มีผิวธรรมดา คุณอาจไม่แน่ใจว่า คุณควรล้างหน้าวันละกี่ครั้ง จึงจะสะอาดเพียงพอ จริงๆแล้วแค่ 2 ครั้งก็พอ นั่นคือ ตอนเช้าและก่อนนอน หรือช่วงที่อาบน้ำตอนเย็นนั่นเอง การที่เราล้างหน้าบ่อยเกินไป จะทำให้ใบหน้าขาดความชุ่มชื่น และเกิดการระคายเคืองได้ง่าย รู้อย่างนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาล้างหน้าวันละหลายๆ ครั้ง แต่ 2 ครั้ง ที่ล้างหน้านั้นต้องล้างให้สะอาดมากที่สุดก็แล้วกัน
ผิวมัน ล้างหน้าวันละกี่ครั้งดี
สำหรับผู้ที่มีผิวมัน อาจจะต้องกังวลกับความมันบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา ถ้าล้างหน้าทั้งวันได้คงจะล้างหน้าทั้งวันอย่างแน่นอน แต่ความจริงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น หากเราล้างหน้าบ่อยๆ เกินไปจะยิ่งเป็นการทำร้ายเซลล์ผิวหน้าให้ช้ำเอาง่ายๆ ความเหมาะสมของการล้างหน้าสำหรับผิวมันคือ วันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน และใช้สารทำความสะอาดอ่อนๆ ก็พอแล้ว เพียงเท่านี้ความกังวลก็จะหมดไปไม่ยากเลย
|
|
|
|